Abandonment: การละทิ้ง

เผยแพร่เมื่อ:

ปรับปรุง/แก้ไขล่าสุดเมื่อ:

Abandonment หรือ การละทิ้ง หมายถึงการกระทำที่ยอมสละ ยอมยก หรือสละสิทธิ์ การเรียกร้อง และผลประโยชน์ทั้งหมดในทรัพย์สินโดยสมัครใจและถาวร ในอสังหาริมทรัพย์ การละทิ้งจะเกิดขึ้นเมื่อเจ้าของหยุดควบคุมหรือดูแลทรัพย์สิน โดยไม่มีเจตนาที่จะเรียกร้องคืน

Abandonment

  • การกระทำโดยสมัครใจ: เจ้าของยอมสละทรัพย์สินโดยสมัครใจ
  • ลักษณะถาวร: ไม่มีเจตนาที่จะคืนหรือเรียกร้องทรัพย์สินคืน
  • การหยุดการบำรุงรักษา: เจ้าของหยุดดูแลหรือปรับปรุงทรัพย์สิน
  • ผลทางกฎหมาย: การละทิ้งอาจนำไปสู่การสูญเสียสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของ

โดยทั่วไป เมื่อเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ ละทิ้งทรัพย์สิน เช่น ย้ายออกจากทรัพย์สิน หยุดชำระเงินจำนอง และไม่พยายามที่จะขายหรือดูแลทรัพย์สิน หยุดกิจกรรมการจัดการทั้งหมดและหยุดเก็บค่าเช่าทรัพย์สินเชิงพาณิชย์ จะส่งผลกระทบต่อมูลค่าทรัพย์สิน

การละทิ้งมักจะนำไปสู่:

  • ค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สินอย่างรวดเร็ว
  • ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากการทำลายทรัพย์สินหรือการครอบครองโดยผิดกฎหมาย
  • ผลกระทบเชิงลบต่อมูลค่าทรัพย์สินโดยรอบ

ทางกฎหมาย

กรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์: ในกรณีอสังหาริมทรัพย์นั้น การละทิ้งไม่ได้ทำให้ทรัพย์สินกลายเป็นของผู้ที่เข้าครอบครองโดยทันทีเหมือนสังหาริมทรัพย์ อย่างไรก็ตาม อาจนำไปสู่การที่รัฐเข้าดำเนินการ หรือการครอบครองปรปักษ์ได้

ทุกประเทศ จะมีกฎหมายกำหนดเกณฑ์เฉพาะในการดำเนินการ เกี่ยวกับการละทิ้ง เช่น การยึดเป็นทรัพย์สินของรัฐ หรือ อนุญาตให้เปลี่ยนการครอบครองเป็นคนอื่นอย่างถูกต้องตามกฎหมาย อย่างเช่น ในประเทศไทยจะมีเรื่องการครอบครองปรปักษ์

ในประเทศไทย กฎหมายเกี่ยวกับการละทิ้งที่สำคัญคือ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ ๔ ทรัพย์สิน

มาตรา ๑๓๑๘  บุคคลอาจได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์แห่งสังหาริมทรัพย์อันไม่มีเจ้าของโดยเข้าถือเอา เว้นแต่การเข้าถือเอานั้นต้องห้ามตามกฎหมายหรือฝ่าฝืนสิทธิของบุคคลอื่นที่จะเข้าถือเอาสังหาริมทรัพย์นั้น

มาตรา ๑๓๑๙  ถ้าเจ้าของสังหาริมทรัพย์เลิกครอบครองทรัพย์ด้วยเจตนาสละกรรมสิทธิ์ไซร้ ท่านว่าสังหาริมทรัพย์นั้นไม่มีเจ้าของ

มาตรา ๑๓๘๒  บุคคลใดครอบครองทรัพย์สินของผู้อื่นไว้โดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ ถ้าเป็นอสังหาริมทรัพย์ได้ครอบครองติดต่อกันเป็นเวลาสิบปี ถ้าเป็นสังหาริมทรัพย์ได้ครอบครองติดต่อกันเป็นเวลาห้าปีไซร้ ท่านว่าบุคคลนั้นได้กรรมสิทธิ์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๕๔๓๒/๒๕๓๖

ผู้ร้องได้ซื้อที่ดินพิพาทจาก ส. เจ้าของโฉนดเดิมตามสัญญาซื้อขายเสร็จเด็ดขาด แม้ไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ แต่ผู้ร้องได้ชำระราคาครบถ้วนแล้วและผู้ขายได้มอบที่ดินพิพาทให้ผู้ร้องครอบครองปลูกบ้านอยู่อาศัยตลอดมาเมื่อผู้ร้องครอบครองที่ดินพิพาทโดยความสงบและเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันมาเป็นเวลากว่าสิบปีผู้ร้องจึงได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทแล้ว การนับระยะเวลาครอบครองติดต่อกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๘๒ ถือเอาระยะเวลาครอบครองของผู้ครอบครองเท่านั้น ไม่ต้องพิจารณาถึงตัวเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ที่ถูกครอบครองว่าจะได้โอนกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ที่ถูกครอบครองให้แก่ผู้ใดหรือไม่

โปรดสังเกตว่า นิยามการครอบครองปรปักษ์จะเน้น 3 เรื่อง นั่นคือ

  • ครอบครองโดยสงบ
  • เปิดเผย
  • มีเจตนาเป็นเจ้าของ

ความเกี่ยวข้องกับการประเมินราคา

ผู้ประเมินราคาต้องพิจารณาการละทิ้งเมื่อ:

  • การประเมินสภาพและมูลค่าของทรัพย์สิน
  • การประเมินแนวโน้มของละแวกใกล้เคียงและผลกระทบต่อมูลค่าทรัพย์สิน
  • การกำหนดการใช้งานทรัพย์สินให้สูงสุดและดีที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่มีการพัฒนาใหม่ที่อาจเกิดขึ้น

ซึ่งปัญหาจะเกิดขึ้นตังแต่ลักษณะทางกายภาพ เพราะทรัพย์สินที่ถูกละทิ้งมักมีสภาพทรุดโทรม ขาดการบำรุงรักษา อาคารชำรุดเสียหาย ระบบสาธารณูปโภคไม่ทำงาน ซึ่งส่งผลให้ราคาประเมินลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

อย่างไรก็ดี พิจารณาว่าทรัพย์สินที่ถูกละทิ้งนั้นยังสามารถนำไปใช้ประโยชน์อะไรได้ดีที่สุดและเหมาะสมที่สุดได้หรือไม่ (Highest and Best Use)  หากสภาพทรุดโทรมมาก อาจต้องประเมินมูลค่าโดยพิจารณาการรื้อถอนและพัฒนาใหม่ ซึ่งจะมีต้นทุนเพิ่มเติม ผู้ประเมินจะต้องประมาณการค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม ปรับปรุง หรือฟื้นฟูทรัพย์สินที่ถูกละทิ้งให้อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ ซึ่งค่าใช้จ่ายเหล่านี้จะถูกหักออกจากมูลค่าศักยภาพของทรัพย์สิน

การละทิ้งทรัพย์สินหนึ่งแปลงอาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อทรัพย์สินโดยรอบ ทำให้มูลค่าของทรัพย์สินในบริเวณใกล้เคียงลดลงจากสภาพแวดล้อมที่ไม่น่าอยู่ ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย หรือการไม่สามารถพัฒนาพื้นที่โดยรวมได้

ประเด็นสำคัญบางประการที่ควรเน้นย้ำ:

  • การละทิ้งเป็นการกระทำโดยสมัครใจและถาวร ซึ่งแตกต่างจากการว่างชั่วคราวหรือการละเลย
  • การละทิ้งมีผลกระทบทางกฎหมายที่สำคัญ ซึ่งอาจนำไปสู่การสูญเสียสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของ
  • ทรัพย์สินที่ถูกละทิ้งอาจส่งผลกระทบเชิงลบอย่างมาก ไม่เพียงแต่ต่อทรัพย์สินนั้นเอง แต่ยังรวมถึงมูลค่าทรัพย์สินโดยรอบด้วย
  • สำหรับผู้ประเมินค่าทรัพย์สิน การสังเกตสัญญาณของการละทิ้งเป็นสิ่งสำคัญเมื่อประเมินมูลค่าทรัพย์สินและแนวโน้มของละแวกใกล้เคียง

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ สำนักกฎหมายและวิชาการศาลยุติธรรม