ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เป็นภาษีที่มาแทนที่ ภาษีโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง รวมทั้ง ภาษีบำรุงท้องที่ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2562 และจะเริ่มเก็บภาษีปีแรกในปีพ.ศ. 2563 มาทำความรู้จักภาษีที่ดิน (ข้อเรียกย่อ ๆ) กันว่าภาษีนี้เป็นอย่างไร
วัตถุประสงค์หลัก
- เพื่อปฏิรูปโครงสร้างระบบภาษีทรัพย์สิน ให้มีความทันสมัย เป็นสากลเช่นเดียวกับนานาประเทศ และแก้ไขปัญหาโครงสร้างภาษีเดิม
- กระตุ้นให้เจ้าของที่ดินนำที่ดินมาใช้ประโยชน์อย่างมีประสิทธิภาพ และลดปัญหาการกักตุนที่ดินเพื่อเก็งกำไร โดยเฉพาะที่ดินรกร้างว่างเปล่าจะถูกเก็บภาษีในอัตราที่สูงขึ้นและเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ หากไม่มีการนำไปใช้ประโยชน์
- เพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) มีรายได้เพียงพอสำหรับลงทุนและจัดบริการสาธารณะที่มีคุณภาพแก่ประชาชนในพื้นที่มากขึ้น
อ้างอิง เอกสารเผยแพร่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง
หลักการสำคัญของ ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
- การจัดเก็บภาษีจะคำนวณจากมูลค่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และการใช้ประโยชน์ของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างนั้น
- กำหนดอัตราภาษีเป็นแบบก้าวหน้าตามมาตรฐานมูลค่าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
- การเพิ่มกระบวนการสร้างความโปร่งใสในการจัดเก็บภาษีโดยให้ประชาชนมีส่วนร่วม
- การกำหนดมาตรการเพื่อสร้างความรับผิดชอบในการชำระภาษี
- การเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษี โดยการเชื่อมโยงข้อมูลที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมที่ดิน กรมธนารักษ์ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้าด้วยกัน
โดยรายได้จากการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดจะเป็นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยไม่ต้องส่งเป็นรายได้ของรัฐบาล
ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
ผู้มีหน้าที่เสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง คือ
- เจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
- เจ้าของอาคารชุด
- ผู้ครอบครองหรือทำประโยชน์ในที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่เป็นทรัพย์สินของรัฐ (เช่น เช่าที่ราชพัสดุ หรือ ครอบครองที่ดิน สปก)
- ผู้มีหน้าที่ชำระภาษีแทนผู้เสียภาษี เช่น ผู้จัดการมรดก หรือทายาท ผู้จัดการทรัพย์สิน เป็นต้น
การดูว่าเจ้าของกรรมสิทธิ์ ดูจากโฉนดที่ดิน โฉนดห้องชุด ไม่ได้ดูตามทะเบียนบ้าน โดยถือว่า ณ วันที่ 1 มกราคม ของปีนั้น ให้เป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษีสำหรับปีนั้นไป โดยผู้เสียภาษีจะได้รับจดหมายแจ้งการประเมินภาษีว่าต้องจ่ายค่าภาษีทั้งหมดเป็นเงินจำนวนเท่าไหร่
ในกรณีที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างนั้นมีเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมกันหลายคน ทุกคนจะต้องร่วมกันรับผิดชอบต่อค่าภาษีดังกล่าว โดยเจ้าของกรรมสิทธิ์ทุกคนจะได้รับจดหมายแจ้งการประเมินภาษีว่าค่าภาษีทั้งหมดว่าเป็นจำนวนเท่าไหร่
(แต่ในทางปฏิบัติจริง เจ้าหน้าที่ประเมินอาจแจ้งไปยังเจ้าของกรรมสิทธิ์รายใดรายหนึ่ง แล้วให้เจ้าของกรรมสิทธิไปตกลงค่าใช้จ่ายกันเอง)
หากเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์สิ่งปลูกสร้าง เพียงอย่างเดียว ชำระภาษีเฉพาะส่วนของสิ่งปลูกสร้างเท่านั้น
นิยามสิ่งปลูกสร้างที่ต้องเสียภาษี
- สิ่งปลูกสร้างที่จะต้อง นำมาคำนวณหามูลค่าเพื่อเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ได้แก่ โรงเรือน อาคาร ตึก หรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่นที่บุคคลอาจเข้าอยู่อาศัยหรือใช้สอยได้ หรือที่ใช้เป็นที่เก็บสินค้า หรือประกอบการอุตสาหกรรม หรือพาณิชยกรรม และให้หมายความรวมถึงห้องชุด หรือ แพที่บุคคลอาจอยู่อาศัยหรือที่มีไว้เพื่อหาผลประโยชน์ด้วย
- เสาสัญญาณโทรศัพท์เดิมเคยเสียภาษีโรงเรือนและที่ดิน เพราะมีตู้ควบคุมสัญญาณ ถือว่าใช้ประกอบอุตสาหกรรม แต่ตามกฎหมายนี้ไม่ถือเป็นสิ่งปลูกสร้าง เพราะคนไม่สามารถเข้าไปใช้สอยโดยตรงได้
- สันเขื่อนเป็นพื้นที่ด้านบนของเขื่อนที่อาจมีการสร้างเป็นถนนเพื่อประโยชน์ในการสัญจรและเพื่อการบำรุงดูแลรักษาเขื่อน สันเขื่อนจึงย่อมเป็นส่วนหนึ่งของเขื่อน เมื่อเขื่อนเป็นสิ่งปลูกสร้าง สันเขื่อนซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเขื่อนจึงเป็นสิ่งปลูกสร้างตามกฎหมายนี้
- อาคารที่ยังสร้างไม่เสร็จ ยังไม่ถือเป็นสิ่งปลูกสร้างเพราะหลักการประเมินราคาทรัพย์สินกรณีสิ่งปลูกสร้างต้องมีการคำนวณค่าเสื่อมด้วย
- ไม่รวมเครื่องจักร/ส่วนควบ อุปกรณ์ตกแต่งภายในอาคาร
วิธีคำนวณภาษี
การคำนวณภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง มีสูตรคำนวณดังนี้
ค่าภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง = มูลค่าของฐานภาษี × อัตราภาษี
โดยที่
มูลค่าของฐานภาษี = มูลค่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง – มูลค่าของฐานภาษีที่ได้รับยกเว้น
มูลค่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
สำหรับมูลค่าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง คิดดังนี้
- ที่ดิน: เอกสารสิทธิประเภท โฉนด หรือ น.ส. 3 ก. ใช้ราคาประเมินทุนทรัพย์ที่ดิน เอกสารสิทธิประเภทอื่น ให้ใช้บัญชีกําหนดราคาประเมินทุนทรัพย์ของที่ดินรายเขตปกครอง
- สิ่งปลูกสร้าง: ใช้ราคาประเมินทุนทรัพย์สิ่งปลูกสร้าง
- ห้องชุด (คอนโด): ใช้ราคาประเมินทุนทรัพย์ห้องชุด
บัญชีราคาประเมินฯ ข้างต้น จัดทำโดยกรมธนารักษ์
กรณีที่ดินไม่มีราคาประเมินทุนทรัพย์กำหนดมาจากกรมธนารักษ์ ถ้าเป็น เอกสารสิทธิประเภท โฉนด หรือ น.ส. 3 ก. ให้ประเมินจากราคาประเมินทุนทรัพย์ของที่ดินบริเวณใกล้เคียงที่มีสภาพคล้ายคลึงกันและมีระยะความลึกของแปลงที่ดินใกล้เคียงกัน
อนึ่ง กรณีที่ดินหลายแปลงมีอาณาเขตติดต่อกันและเป็นของเจ้าของเดียวกัน ให้คำนวณมูลค่าที่ดินทั้งหมดรวมกันเป็นฐานภาษี
กรณีสิ่งปลูกสร้างไม่มีราคาประเมินทุนทรัพย์ ให้ประเมินจากราคาประเมินทุนทรัพย์ของสิ่งปลูกสร้างของบัญชีเทียบเคียงสิ่งปลูกสร้างของกรมธนารักษ์หรือสำนักงานธนารักษ์พื้นที่
ถ้าเป็นสิ่งปลูกสร้างที่มีลักษณะพิเศษแตกต่างจากที่มีในบัญชีสิ่งปลูกสร้างฯ จนเทียบเคียงไม่ได้ เช่น สนามบิน โรงไฟฟ้า โรงกลั่นน้ำมัน อาจจะต้องใช้ทำเรื่องเสนอให้พิจารณากําหนดราคาของสิ่งปลูกสร้าง และจัดทำบัญชีสิ่งปลูกสร้างที่มีลักษณะพิเศษ ต่อไป โดยเจ้าหน้าที่ประเมินจะแจ้งให้ผู้เสียภาษีนําส่งเอกสารหรือหลักฐานที่แสดงมูลค่าสิ่งปลูกสร้างเพื่อประกอบการพิจารณา
มูลค่าของฐานภาษีที่ได้รับยกเว้น
สำหรับ มูลค่าของฐานภาษีที่ได้รับยกเว้น จะมีให้เฉพาะเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่เป็นบุคคลธรรมดาเท่านั้น นิติบุคคลจะไม่ได้รับการยกเว้นฐานภาษี
โดยมีข้อกำหนดดังต่อไปนี้
ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรม: ได้สิทธิหักมูลค่าฐานภาษีได้ 50 ล้านบาท
กรณีที่มีหลายแปลงแต่อยู่ในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเดียวกัน ให้นำมูลค่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างนั้นหักด้วย 50 ล้าน โดยให้หักมูลค่าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของแปลงที่มีมูลค่าสูงที่สุดก่อน แล้วหักมูลค่าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่มีมูลค่ารองลงมาตามลำดับ (อ้างอิง: ประกาศกระทรวงการคลังและกระทรวงมหาดไทย เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการยกเว้นมูลค่าของฐานภาษีที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งเจ้าของเป็นบุคคลธรรมดาใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรม)
ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประโยชน์เป็นที่อยู่อาศัย และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในวันที่ 1 มกราคมของปีภาษีนั้น ได้สิทธิหักมูลค่าฐานภาษีได้ 50 ล้านบาท (อ้างอิง: มาตรา 41 พ.ร.บ. ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562)
เป็นเจ้าของเฉพาะสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประโยชน์เป็นที่อยู่อาศัย และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในวันที่ 1 มกราคมของปีภาษีนั้น ได้สิทธิหักมูลค่าฐานภาษีได้ 10 ล้านบาท (อ้างอิง: มาตรา 41 พ.ร.บ. ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562)
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะเป็นผู้ประกาศราคาประเมินทุนทรัพย์ของที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง อัตราภาษีที่จัดเก็บ และรายละเอียดอื่นที่จำเป็นในการจัดเก็บภาษีในแต่ละปี ณ สำนักงาน หรือที่ทำการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นก่อนวันที่ 1 กุมภาพันธ์ของปี
ประชาชนตรวจสอบได้ เพราะรายละเอียดเหล่านี้จะแสดงไว้ ณ สำนักงานหรือที่ทำการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และสถานที่อื่นที่ประชาชนเข้าถึงได้ รวมถึงแสดงผ่านเว็บไซต์ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นด้วย
การลดหย่อนภาษีอื่น ๆ
หากเป็นที่ดินที่มีสภาพเป็นบ่อลึกจากระดับพื้นดินเกิน 3 เมตร บ่อที่เกิดจากการทำเหมือง และบ่อน้ำบาดาล ให้ใช้มูลค่า 25% ของราคาประเมินทุนทรัพย์ ส่วนที่ดินที่มีแนวเขตเดินสายไฟฟ้าแรงสูงพาดผ่าน ให้ใช้มูลค่า 30% ของราคาประเมินทุนทรัพย์
อ้างอิง: กฎกระทรวง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการคำนวณมูลค่าที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ไม่มีราคาประเมินทุนทรัพย์ พ.ศ. 2562 (อันนี้งงนิดหน่อย เพราะหัวประกาศจะเป็นเรื่อง การคำนวณมูลค่าที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ไม่มีราคาประเมินทุนทรัพย์ แต่เนื้อหา ทั้งกรณีบ่อลึกและแนวเขตสายไฟฟ้าแรงสูง ต่างต้องมีราคาประเมินทุนทรัพย์แล้ว)
อัตราภาษี
อัตราภาษี จะขึ้นกับประเภทการใช้ประโยชน์ และตัวผู้เสียภาษี และคำนวณแบบขั้นบันไดตามมูลค่าของฐานภาษีแต่ละขั้น หากที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างมีการใช้ประโยชน์หลายประเภท จะคำนวณตามสัดส่วนพื้นที่การใช้ประโยชน์ในที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างแต่ละประเภท (อ้างอิง ประกาศกระทรวงการคลังและกระทรวงมหาดไทย เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการในการจัดเก็บภาษีที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่มีการใช้ประโยชน์หลายประเภท)
ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรม
การใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรม ในที่นี้ จะต้องเป็นการทำเกษตรกรรม ตาม ประกาศกระทรวงการคลังและกระทรวงมหาดไทย เรื่อง หลักเกณฑ์การใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรม
โดยทั่วไปก็คือการทำไร่ ทำนา ทำสวน ปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ (รวมสัตว์น้ำ) นาเกลือสมุทร การทำสวนป่า การเพาะเลี้ยงแมลงเศรษฐกิจ การปลูกหม่อนเลี้ยงไหม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการบริโภค หรือจำหน่าย หรือใช้งานในฟาร์ม และให้รวมถึงที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่ต่อเนื่องที่ใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรมนั้นด้วย
และระยะเวลาในการประกอบเกษตรกรรมให้รวมถึงช่วงเวลาพักการเกษตร เพื่อฟื้นฟูสภาพที่ดิน หรือการพักที่ดินระหว่างฤดูกาลผลิต หรือการตัดวงจรโรคด้วย
ข้อสำคัญคือ ต้องมีการขึ้นทะเบียนเกษตรกร (ถ้าเป็นบริษัทต้องขึ้นทะเบียนว่าทำเกษตรกรรม) หากมิได้ขึ้นทะเบียน ก็ต้องเพาะปลูกพืชหรือเลี้ยงสัตว์ตามจำนวนขั้นต่ำที่เป็นการใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรม
บุคคลธรรมดาเป็นเจ้าของที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรม
พ.ศ. 2563-2565
ยกเว้นให้
พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป
มูลค่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง | อัตราภาษี |
---|---|
ไม่เกิน 50 ล้านบาท | ยกเว้น |
มากกว่า 50 แต่ไม่เกิน 125 ล้านบาท | 0.01% |
มากกว่า 125 แต่ไม่เกิน 150 ล้านบาท | 0.03% |
มากกว่า 150 แต่ไม่เกิน 550 ล้านบาท | 0.05% |
มากกว่า 550 แต่ไม่เกิน 1,050 ล้านบาท | 0.07% |
มากกว่า 1,050 ล้านบาทขึ้นไป | 0.1% |
ข. กรณีอื่น
มูลค่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง | อัตราภาษี |
---|---|
ไม่เกิน 75 ล้านบาท | 0.01% |
มากกว่า 75 แต่ไม่เกิน 100 ล้านบาท | 0.03% |
มากกว่า 100 แต่ไม่เกิน 500 ล้านบาท | 0.05% |
มากกว่า 500 แต่ไม่เกิน 1,000 ล้านบาท | 0.07% |
มากกว่า 1,000 ล้านบาทขึ้นไป | 0.1% |
ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประโยชน์เป็นที่อยู่อาศัย
ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประโยชน์เป็นที่อยู่อาศัย รวมทั้งที่ให้คนอื่นอยู่ ไม่ว่าจะเป็น ให้เช่าเพื่ออยู่อาศัยแบบรายเดือน (เช่น บ้านเช่า อพาร์ทเม้นท์ หอพัก คอนโด เป็นต้น) และโฮมสเตย์ ให้เสียภาษีในอัตราที่อยู่อาศัย (แต่ถ้าเป็นโรงแรม รีสอร์ต ตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม จะเป็นอัตราการใช้ประโยชน์อื่น)
นอกจากนี้ สถานะของที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประโยชน์เป็นที่อยู่อาศัยให้ครอบคลุมถึงช่วงเวลาระหว่างการก่อสร้าง หรือปรับปรุงต่อเติมสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินที่ใช้เพื่อการอยู่อาศัยด้วย เช่น บ้านที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง หรือคอนโดมิเนียมที่อยู่ระหว่างการตกแต่ง เป็นต้น ยกเว้น ถ้าผู้ถือกรรมสิทธิเป็นของผู้ประกอบการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการหรือสร้างเสร็จแล้วแต่ยังไม่ได้ขาย ยังไม่ถือเป็นสิ่งปลูกสร้าง
อ้างอิง: ประกาศกระทรวงการคลังและกระทรวงมหาดไทย เรื่อง หลักเกณฑ์การใช้ประโยชน์เป็นที่อยู่อาศัย
เจ้าของทั้งที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในวันที่ 1 มกราคมของปีภาษีนั้น (บ้านหลัก)
มูลค่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง | อัตราภาษี |
---|---|
ไม่เกิน 50 ล้านบาท | ยกเว้น |
มากกว่า 50 แต่ไม่เกิน 75 ล้านบาท | 0.03% |
มากกว่า 75 แต่ไม่เกิน 100 ล้านบาท | 0.05% |
มากกว่า 100 ล้านบาท | 0.10% |
เป็นเจ้าของเฉพาะสิ่งปลูกสร้าง และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในวันที่ 1 มกราคมของปีภาษีนั้น (บ้านหลัก)
มูลค่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง | อัตราภาษี |
---|---|
ไม่เกิน 10 ล้านบาท | ยกเว้น |
มากกว่า 10 แต่ไม่เกิน 50 ล้านบาท | 0.02% |
มากกว่า 50 แต่ไม่เกิน 75 ล้านบาท | 0.03% |
มากกว่า 75 แต่ไม่เกิน 100 ล้านบาท | 0.05% |
มากกว่า 100 ล้านบาท | 0.10% |
กรณีอื่น เช่น บ้านหลังที่สอง (บ้านรอง)
มูลค่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง | |
---|---|
ไม่เกิน 50 ล้านบาท | 0.02% |
มากกว่า 50 แต่ไม่เกิน 75 ล้านบาท | 0.03% |
มากกว่า 75 แต่ไม่เกิน 100 ล้านบาท | 0.05% |
มากกว่า 100 ล้านบาท | 0.10% |
ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประโยชน์อื่น เช่น ใช้เชิงพาณิชย์
มูลค่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง | อัตราภาษี |
---|---|
ไม่เกิน 50 ล้านบาท | 0.3% |
มากกว่า 50 แต่ไม่เกิน 200 ล้านบาท | 0.4% |
มากกว่า 200 แต่ไม่เกิน 1,000 ล้านบาท | 0.5% |
มากกว่า 1,000 แต่ไม่เกิน 5,000 ล้านบาท | 0.6% |
มากกว่า 5,000 ล้านบาท | 0.7% |
ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ทิ้งไว้ว่างเปล่าหรือไม่ได้ทำประโยชน์ตามควรแก่สภาพ
ที่ดินรกร้างว่างเปล่าหรือไม่ได้ทำประโยชน์ตามควรแก่สภาพที่ต้องเสีย ภาษีที่ดิน คือ ที่ดินที่โดยสภาพแล้วสามารถทำประโยชน์ได้ แต่ไม่มีการทำประโยชน์ในที่ดินน้ันตลอดปีที่ผ่านมา (เว้นแต่เกิดจากเหตุธรรมชาติหรือเหตุพ้นวิสัยจนไม่สามารถทำประโยชน์ได้) หรือที่ดินที่โดยสภาพสามารถทำประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรมได้
แต่การทำประโยชน์ตลอดปีที่ผ่านมาไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ประกาศร่วมกันเป็น กฎกระทรวง กําหนดที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ทิ้งไว้ว่างเปล่าหรือไม่ได้ทำประโยชน์ตามควรแก่สภาพ พ.ศ. 2562
สิ่งปลูกสร้างรกร้างว่างเปล่าหรือไม่ได้ทำประโยชน์ตามควรแก่สภาพที่ต้องเสียภาษีที่ดินฯ คือ สิ่งปลูกสร้างที่โดยสภาพสามารถทำประโยชน์ได้ แต่ถูกทิ้งร้างและไม่ใช้ประโยชน์ในสิ่งปลูกสร้างนั้นตลอดปีที่ผ่านมา หรือสิ่งปลูกสร้างที่ก่อสร้างหรือปรับปรุงเสร็จแล้วและโดยสภาพสามารถทำประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรมหรือเป็นที่อยู่อาศัยหรือทำประโยชน์อื่นได้แต่ไม่ใช้ประโยชน์ตลอดปีที่ผ่านมา
มูลค่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง | อัตราภาษี |
---|---|
ไม่เกิน 50 ล้านบาท | 0.3% |
มากกว่า 50 แต่ไม่เกิน 200 ล้านบาท | 0.4% |
มากกว่า 200 แต่ไม่เกิน 1,000 ล้านบาท | 0.5% |
มากกว่า 1,000 แต่ไม่เกิน 5,000 ล้านบาท | 0.6% |
มากกว่า 5,000 ล้านบาท | 0.7% |
อนึ่ง ถ้าทิ้งร้างว่างเปล่าเวลา 3 ปีติดต่อกัน อัตราภาษีจะเพิ่มขึ้นอีก 0.3% และจะขึ้นภาษีอีก 0.3% ในทุก 3 ปี แต่กำหนดเพดานภาษีที่เสียรวมทั้งหมดสูงสุดไม่เกิน 3%
อย่างไรก็ดี ที่ดินที่อยู่ระหว่างเตรียมการเพื่อทำประโยชน์ หรือสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง รวมถึงที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ถูกรอนสิทธิในการทำประโยชน์โดยกฎหมายหรือโดยคําสั่งหรือคําพิพากษาของศาล และที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ระหว่างการพิจารณาคดีของศาลเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครอง จะได้รับยกเว้นไม่ถือเป็นที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างรกร้างว่างเปล่า
การเสียภาษี
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นผู้ประเมิน และจะส่งแบบประเมินภาษีให้แก่ผู้เสียภาษีภายในเดือน ก.พ. ของแต่ละปี ผู้เสียภาษีจะต้องชำระภาษีภายใน 30 เม.ย. ของปีนั้น
หากภาษีมีมูลค่าตั้งแต่ 3,000 บาท ขอผ่อนชำระเป็น 3 งวดเท่า ๆ กันได้เป็นเวลา 3 เดือน โดยต้องยื่นหนังสือขอผ่อน ชำระภาษีต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ณ สำนักงานหรือที่ทำการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นก่อนชำระค่าภาษีงวดแรก
แบบประเมินภาษีจะประกอบด้วย
- รายการที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้าง
- ราคาประเมินทุนทรัพย์
- อัตราภาษี
- จำนวนภาษีที่ต้องชำระ
สถานที่ชำระภาษี
- เทศบาล ชำระที่สำนักงานเทศบาล
- อบต. ชำระที่สำนักงานองค์การบริหารส่วนตำบล
- กทม. ชำระที่สำนักงานเขต
- เมืองพัทยา ชำระที่ศาลาว่าการเมืองพัทยา
อย่างไรก็ดี ผู้บริหารท้องถิ่นอาจกำหนดให้ใช้สถานที่อื่นภายในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นน้ันเป็นสถานที่สำหรับชำระภาษีได้ตามที่เห็นสมควร
วันที่ชำระภาษีโดยปกติจะให้ถือเอาตามวันที่พนักงานเก็บภาษีลงลายมือชื่อในใบเสร็จรับเงิน แต่ถ้าชำระโดยวิธีอื่น เช่น ชำระโดยผ่านทางธนาคารให้ถือว่าวันที่ธนาคารได้รับเงินค่าภาษีเป็นวันที่ชำระภาษี
อย่าง
การขอเงินคืนภาษี
ในกรณีที่คุณเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเกินกว่าจำนวนที่ต้องเสีย ไม่ว่าโดยความผิดพลาดของตนเองหรือจากการประเมินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น คุณมีสิทธิขอเงินคืนภาษีได้ภายใน 3 ปีนับแต่วันที่ชำระภาษีโดยยื่นคำร้องต่อผู้บริหารท้องถิ่น
ถ้าองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นผู้ประเมินภาษีผิดพลาด คุณมีสิทธิได้รับดอกเบี้ยในอัตรา 1% ต่อเดือน (เศษของเดือนของเงินปัดเป็น 1 เดือน) ของเงินภาษีที่ได้รับคืนโดยไม่คิดทบต้นนับแต่วันที่ยื่นคำร้องขอรับคืนเงินจนถึงวันที่คืนเงิน ทั้งนี้ กฎหมายกำหนดเพดานดอกเบี้ยไว้สูงสุดไม่เกินจำนวนเงินภาษีที่จะได้รับคืน